หัวข้อที่ครอบคลุม
หากคุณต้องการการรับรองการประกอบอาชีพพยาบาล คุณอาจจะทราบว่าคุณต้องทำการทดสอบทักษะทางภาษาอังกฤษของคุณ เพื่อประเมิณความสามารถในการสื่อสารระหว่างผู้ร่วมงาน คนไข้ ไปจนถึงการให้การรักษาพยาบาลคุณสามารถเลือกเข้ารับการประเมิณทักษะทางภาษาอังกฤษ โดยผู้จัดสอบ International English Language Testing System (IELTS) หรือ Occupational English Test (OET)ก่อนที่จะทำการตัดสินใจ มาทำความเข้าใจว่าการสอบทั้งสองรูปแบบครอบคลุมการทดสอบเรื่องใดบ้าง และเรียนรู้ความแตกต่างระหว่างการสอบทั้งสอบประเภท
การสอบ IELTS นั้นได้รับการยอมรับว่าเป็นการทดสอบทักษะทางภาษาที่มีมาตรฐานอย่างมาก โดยเป็นการทดสอบทักษะและความเชี่ยวชาญทางการเขียนและการพูด ซึ่งการสอบนี้เกิดขึ้นในปี1989IELTS ได้รับการยอมรับจากองค์กรมากกว่า 12,000 แห่ง จากนานาประเทศมากกว่า 150 ประเทศ โดยรูปแบบการสอบนั้นมีให้เลือกสองแบบ คือ การสอบแบบกระดาษ และการสอบแบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งการสอบนั้นแบ่งออกเป็นสี่ส่วน ได้แก่ การสอบทักษะทางการพูด ทักษะทางการเขียน ทักษะทางการฟัง และทักษะทางการอ่าน
การสอบ OET ได้รับการออกแบบมาเพื่อให้การรองรับ 12 อาชีพในอุตสาหกรรมการดูแลสุขภาพ รวมถึง พยาบาล ทันตแพทย์ ผู้เชี่ยวชาญในการวัดสายตาและประกอบแว่น และนักกายภาพบำบัด โดยการสอบ OET เป็นแบบทดสอบทักษะทางภาษาอังกฤษที่ประเมินความสามารถทางการสื่อสารสำหรับบุคลากรทางการแพทย์โดยแรกเริ่มนั้น การสอบนี้ได้รับการยอมรับในประเทศออสเตรเลียและนิวซีแลนด์เท่านั้น อย่างไรก็ตาม การสอบนี้ก็ได้รับการยอมรับจากองค์กรสภาการพยาบาลและการผดุงครรภ์ของสหราชอาณาจักร (NMC) ในเดือนพฤษจิกายน ปี 2017
การสอบ OET นั้นเป็นที่นิยมในหมู่บุคลากรทางการแพทย์ เนื่องจากเนื้อหาในการสอบนั้นมีความเฉพาะเจาะจงสำหรับสายอาชีพของพวกเขา และเกี่ยวข้องกับบบุคคลในสถานการณ์ทางการแพทย์โดยตรง ตั้งแต่การทำความเข้าใจผู้ป่วยในช่วงการให้คำปรึกษา ไปจนถึงการรายงานทางการแพทย์หรือการเขียนจดหมายส่งตัว
เป็นการดีที่คุณสามารถสื่อสารด้วยศัพท์ทางการแพทย์ได้อย่างคล่องแคล่ว แต่จะดีกว่านั้นหากคุณสามารถใช้ภาษาอังกฤษในการสื่อสารได้อย่างครอบคลุมในทุกสถานการณ์ ซึ่งการสอบ IELTS นั้นจะช่วยให้คุณพัฒนาความสามารถทางการสื่อสารได้มากกว่าที่คุณคิด
การสอบ IELTS นั้นถูกออกแบบมาเพื่อรองรับนักศึกษาต่างชาติไปจนถึงสายอาชีพในอุตสาหกรรมต่าง ๆ เนื้อหาการสอบนั้นครอบคลุมหัวข้อที่หลากหลาย ตั้งแต่ กระแสทางสังคม สิ่งแวดล้อม การศึกษา ไปจนถึงค่านิยมทางวัฒนธรรม
ดังนั้นหากคุณมีความสามารถทางภาษาสำหรับการสนทนาที่ครอบคลุมหัวข้อเหล่านี้ รวมถึงการเขียนเรียงความ และความสามารถในการทำความเข้าในบทความต่าง ๆ จะช่วยให้เพิ่มความยืดหยุ่นในการทำงาน และเพิ่มความสามารถทางการสื่อสารให้คุณมากขึ้น
การสอบ IELTS นั้นมีสองประเภท ได้แก่ Academic และGeneral Training ซึ่งเป็นที่ยอมรับจากองค์กรต่าง ๆ ในการวัดระดับความสามารถทางภาษาอังกฤษทางสายอาชีพ หรือเพื่อใช้ในการย้ายถิ่นฐาน
โดยการสอบแบบ Academic และ General Training นั้น มีรูปแบบการสอบที่เหมือนกันในทักษะการฟังและการพูด แต่สำหรับการทดสอบทักษะทางการอ่านและการเขียนนั้นจะมีความแตกต่างกัน ซึ่งระดับภาษาสำหรับข้อสอบแบบ Academic จะใช้ระดับภาษาสำหรับอุดมศึกษา แตกต่างจากการสอบแบบ General Training
ในขณะที่การสอบ OET มีรูปแบบการสอบทั้งหมด 12 แบบ มีความเฉพาะเจาะจงสำหรับแต่ละอาชีพในสายงานบุคลากรทางการแพทย์ โดยการสอบทักษะทางการอ่านและการฟังนั้นมีรูปแบบเดียวกัน แต่ในการสอบทักษะทางการพูดและการเขียนนั้นจะมีความแตกต่างกันไปตามบริบทในการสื่อสารของแต่ละอาชีพ
ในขณะที่การสอบทั้งสองแบบนั้นเป็นการเข้าถึงทักษะทางภาษาทั้งสี่ทักษะเช่นเดียวกัน แต่รูปแบบการสอบของ IELTS นั้นสั้นกว่าการสอบแบบ OET
ทักษะการฟัง
ในการทดสอบทักษะการฟังสำหรับการสอบ IELTS นั้น ผู้สอบจะต้องฟังบันทึกการสนทนาทั้งหมดสี่ส่วน และใช้ข้อมูลที่ได้รับในการตอบคำถาม ในขณะที่การสอบ OET นั้นจะแบ่งเป็นสองส่วน
ส่วนแรกผู้สอบจะต้องทำการเขียนบันทึกจากข้อมูลที่ได้รับระหว่างการให้คำปรึกษาระหว่างบุคลากรทางการแพทย์และผู้ป่วย ตามมาด้วยส่วนที่สองคือ การตอบคำถามจากข้อมูลที่ได้รับจากการฟังบรรยายในหัวข้อที่เกี่ยวข้องกับการดูแลสุขภาพ
ทักษะการอ่าน
ในการสอบ IELTS นั้น จะเป็นการตอบคำถามจากการอ่านบทความขนาดยาวสามบทความที่เป็นข้อมูลจากหนังสือพิมพ์หรือวารสาร
ในขณะที่การสอบ OET นั้นจะประกอบไปด้วยสองส่วน ส่วนแรกผู้สอบจะต้องสรุปหัวข้อสนทนาจากสี่ข้อความขนาดสั้น ในขณะที่การสอบส่วนที่สองจะเป็นการตอบคำถามแบบปรนัยจากข้อมูลที่ได้รับจากข้อความขนาดยาวสองส่วน
ทักษะการเขียน
การสอบ IELTS ในทักษะการเขียนนั้น ประกอบไปด้วยสองส่วน ส่วนแรกเป็นการเขียนบรรยายแผนภาพที่ได้รับ และส่วนที่สองคือการเขียนเรียงความในหัวข้อที่กำหนด
ส่วนการสอบ OET นั้น ผู้สอบจะต้องอ่านรายงานการรักษาและเขียนบันทึกรายงานความคืบหน้า รายงานทางการแพทย์ หรือจดหมายส่งตัวจากข้อมูลที่ได้รับ
ทักษะการพูด
ในการสอบทักษะการพูด IELTS นั้น ผู้สอบจะได้สนทนาในหัวข้อทั่ว ๆ ไป เช่น งานอดิเรก ความสนใจ และการสอบอีกส่วนหนึ่งคือ การบรรยายในหัวข้อที่ได้รับ
ในการสอบทักษะการพูดของการสอบ OET ผู้สอบจะต้องสนทนากับผู้คุมสอบโดยจำลองจากสถานการณ์สมมติทางการแพทย์ในหัวข้อที่ได้รับ ผู้สอบอาจจะต้องสวมบทบาทพยาบาล ในขณะที่ผู้คุมสอบสวมบทบาทเป็นผู้ป่วย
เมื่อเปรียบเทียบกับการสอบ OET การสอบ IELTS นั้นได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางและได้รับความเชื่อถือจากองค์กรทั่วโลก โดยมีศูนย์สอบมากกว่า 12,000 แห่งในประเทศต่าง ๆ มากกว่า 150 ประเทศ รวมถึง ประเทศออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ แคนาดา สหราชอาณาจักร และสหรัฐอเมริกา
ในขณะที่การสอบ OET นั้นได้รับการยอมรับจากหน่วยงานกำกับดูแลด้านสุขภาพและผู้ให้การศึกษาด้านการดูแลสุขภาพในระดับอุดมศึกษา จากประเทศไอร์แลนด์ สหราชอาณาจักร ดูไบ ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ โดยมีศูนย์สอบมากกว่า 580 แห่งในประเทศต่าง ๆ ถึง 80 ประเทศ
ด้วยศูนย์สอบและรอบสอบที่มากกว่า ช่วยเพิ่มความสะดวกสบายให้ผู้สอบสามารถเลือกสอบได้ในวันและศูนย์สอบที่ต้องการ
นอกจากนั้น การสอบ IELTS นั้นยังมีค่าใช้จ่ายที่ถูกกว่าการสอบ OET
คุณกำลังวางแผนในการสอบ IELTS เพื่อการประกอบวิชาชีพพยาบาลอยู่หรือไม่?
ด้วยประสบการณ์ในการให้ความช่วยเหลือผู้สอบในการเตรียมสอบมาอย่างยาวนาน IDP สามารถช่วยคุณได้ โดยแหล่งข้อมูลในการเตรียมสอบที่หลากหลายของเรา จะช่วยให้คุณเตรียมตัวสอบได้อย่างมีประสิทธิภาพ และช่วยผลักดันให้คุณทำคะแนนได้ดีขึ้นอย่างแน่นอน
สมัครสอบ IELTS กับเราวันนี้!
ทำไมต้องดำเนินการเรียนต่อต่างประเทศกับ IDP
สร้างโปรไฟล์พร้อมทั้งปลดล็อกคุณสมบัติต่าง ๆ มากมาย รวมถึงคำแนะนำแบบส่วนตัว แอปพลิเคชันที่ติดตามได้อย่างรวดเร็ว และอื่น ๆ อีกมากมาย
Watch the story of lifelong dreams, passion and determination that truly reflects the journey of our IELTS test takers. IELTS is the breakthrough to a world of full of incredible.
Dive into our extensive collection of articles by using our comprehensive topic search tool.