ทำไมใครๆ ก็อยากเรียนสาย STEM ทีประเทศอเมริกา ?

แน่นอนว่าการได้งานทำในอเมริกาหลังเรียนจบจากมหาวิทยาลัยที่นั่นเป็นความใฝ่ฝันที่ยิ่งใหญ่ของนักศึกษาต่างชาติ ที่ผ่านมามีเพียงใบฝึกงานหนึ่งปี Optional Practical Training (OPT) แต่อเมริกาเพิ่งปรับให้มีวีซ่าทำงานพิเศษ เรียกว่า STEM Visa ซึ่งย่อมาจาก Science, Technology, Engineering, Mathematics เป็นวีซ่าทำงานต่อจาก วีซ่าฝึกงาน OPT ไปอีก 17 เดือน หรือ รวนกัน สูงสุดถึง 3 ปี สำหรับคนเรียนจบทางสาขาที่เกี่ยวข้องกับวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี วิศวกรรมศาสตร์หรือคณิตศาสตร์

นี่ถือว่าเป็นโอกาสที่ดีสำหรับนักศึกษาที่สนใจไปเรียนต่อที่อเมริกา การหางานจะง่ายขึ้น ไม่ต้องพึ่งแค่ใบฝึกงาน ซึ่งต้องไปยึดติดกับผู้ว่าจ้างรายเดียว การเปลี่ยนงานจึงสะดวกขึ้น มีสิทธิและเสรีภาพมากขึ้น เช่น การเรียกค่าตัวได้ง่ายกว่าเดิม

การเรียนสายวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี วิศวกรรมศาสตร์ และคณิตศาสตร์ในอเมริกาไม่ใช่มีข้อดีเพียงด้านการได้วีซ่าหรือรายได้สูงหลังเรียบจบเท่านั้น หากแต่ระหว่างเรียนก็ได้ความรู้ได้ประโยชน์อย่างแท้จริง อเมริกาเป็นดินแดนที่ให้ค่าในด้านการศึกษาและการวิจัย การทดลองคิดอย่างเป็นระบบเป็นวิทยาศาสตร์ พิสูจน์ได้ มีสาขาต่างๆ ที่เกี่ยวข้องให้เลือกเรียนมากมาย ตั้งแต่ที่ใกล้ตัวเช่นวิศวกรรมเสียง ไปจนถึงไกลโพ้นเช่นดาราศาสตร์ หรือจะเป็นเทคโนโลยีการทำแผนที่/ภูมิศาสตร์ ไปถึงการสร้างหุ่นยนต์ อเมริกามีทุกอย่างให้เลือกเรียน STEM ในประเทศอเมริกามีให้เลือกหลากหลายและมีจุดเด่นในด้าน Data-Science, Robotics, Engineering หรือแม้แต่ Biotechnology

กระแสที่มาแรงมากๆสำหรับนักศึกษาจากประเทศไทยในช่วงนี้ก็คงหนีไม่พ้นการเเลือกเรียนสาย Business ที่รับรองหลักสูตร STEM น้องๆที่เลือกเรียนสาย Business ก็สามารถขอทำงานต่อได้อีก 3 ปีเช่นเดียวกัน ทาง IDP ก็เป็น Partners กับมหาวิทยาลัยที่มีการรองรับ STEM ทุกสายวิชา ซึ่งเป็นอีกหนึ่งทางเลือกให้กับน้องๆ ที่สนใจทำงานต่อในอเมริกา

1. DePaul - DePaul University

เป็นสถาบันระดับอุดมศึกษา ก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ. 1898 โดยเป็นสถาบันเอกชนตั้งอยู่ในเมืองชิคาโก รัฐอิลลินอยส์ มีวิทยาเขต 6 แห่ง ได้แก่ ลินคอล์น พาร์ค, เนเปอร์วิลล์, โอ๊ค ฟอเรสต์, โอแฮร์และโรลลิ่ง มีโดวส์ โดยในปลายปี ค.ศ. 2008 มีจำนวนนักศึกษา 24,352 คน เปิดสอนหลักสูตรต่างๆ ในสาขา STEM Major ได้แก่:

E-Commerce Technology, Human Computer Interaction, Animation, Marketing Analysis, Supply Chain Management ฯลฯ

2. ASU - Arizona State University

เป็นมหาวิทยาลัยรัฐบาลในเมือง ตั้งอยู่ที่รัฐอะริโซนา ก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ. 1885 โดยมีนักศึกษากว่า 65,000 คน มหาวิทยาลัยประกอบด้วย 4 วิทยาเขต ได้แก่ เทมพี, เกลนเดล, เมซาและดาวน์ทาวน์ฟีนิกซ์ สถาบันเปิดสอนหลายคณะ ต่างๆในสาขา STEM Major ได้แก่:

Computer Science, Engineering, Biological Sciences, Educational Technology, Digital Communication ฯลฯ

3. Oregon State University

มหาวิทยาลัยโอเรกอน ก่อตั้งในปี 1868 มหาวิทยาลัยโอเรกอนมีมรดกตกทอดมาจากการใช้เทคนิคขั้นสูงเพื่อที่จะพัฒนางานวิจัยใหม่ ๆ ที่พลิกโลกเรากลับเราให้ มหาวิทยาลัย OSU มุ่มมั่นในการสร้างหารเรียนรู้และพัฒนา ผ่นกระบวยการ การสํารวจและแก้ไขปัญหาเร่งด่วนที่พบเปลี่ยนแปลงโลกของเราให้หน้าอยู่ และ มีคุณค่ามากขึ้น เพื่อการอนาคตอย่างยั่งยืน ด้วยเหตุผลนี้เอง OSU จึงได้รับเงินสนับสนุนและงบประมาณจากรัฐบาลสหรัฐอเมริกามูลค่าสูงถึง $442 ล้านเหรียญ ต่อปี OSU ยังเป็นเพียงแค่ หนึ่ง ใน สอง มหาวิทยาลัยในประเทศอเมริกาที่ได้รับให้เป็น Land, Sea, Space, and Sun grant สาขา STEM Major ของสถาบันเปิดสอนดังต่อไปนี้:

Industrial Engineering, Chemistry, Environmental Science, Electrical and Computer Engineering, Mechanical Engineering ฯลฯ

4. Colorado State University

ตั้งอยู่ที่ Fort Collin รัฐ Colorado เมืองนี้อยู่ในเนินเทือกเขาร๊อกกี้ มีประชากรประมาณ 144,000 คน เป็นเมืองท่องเที่ยว เมืองนี้ได้รับการโหวตให้เป็นเมืองดีเด่น อันดับที่ 6 ของสหรัฐ โดย Money Magazine, 2010 และ ติด 1 ใน 10 College Towns ที่ดีที่สุดในสหรัฐ โดย American Institute for Economic Research) การเดินทาง ใช้เวลาขับรถจาก สนามบิน Denver international ประมาณ 1 ชั่วโมง ด้วยความที่เมือง Fort Collins ได้รับการจัดอันดับให้อยู่ในอันดับที่ 3 เมืองที่ดีที่สุดในการทำธุรกิจในสหรัฐอเมริกา จากนิตยสาร Forbes ปี 2012 ซึ่งจะช่วยเพิ่มโอกาสของนักศึกษาในการหาสถานที่ฝึกงาน หรือหางานหลังสำเร็จการศึกษา สาขาต่างๆในหมวด STEM Major ได้แก่:

Finance, Robotics, Engineering, Food Science & Nutrition, Mathematics ฯลฯ

IDP คือบริษัทหนึ่งเดียวในประเทศไทยที่ได้รับมาตรฐาน AIRC จาก Chamber of Commerce, U.S. Embassy ในการเป็นตัวแทนอย่างเป็นทางการมหาวิทยาลัยของอเมริกามากที่สุดกว่า 180 สถาบัน ซึ่งทำให้เราสามารถให้คำแนะนำแนะนำ และดำเนินการให้น้องๆ ประสบความสำเร็จในการเรียนต่อได้อย่างสะดวก และรวดเร็ว

สำหรับน้องๆ ที่ต้องการทราบข้อมูลเรียนต่ออเมริกา หรือ ต้องการเข้าศึกษามหาวิทยาลัยสาย STEM ดังกล่าว น้องๆ สามารถกรอกแบบฟอร์มเพื่อรับคำปรึกษาและวิธีการสมัครจากพี่ๆ ผู้เชี่ยวชาญได้ทันที