หัวข้อที่ครอบคลุม
สหรัฐอเมริกาเป็นประเทศที่มีมหาวิทยาลัยติดอันดับโลกเยอะมาก ไม่ว่าจะสาขาไหนก็มีหลักสูตรดี ๆ ให้เลือกเรียน ที่นี่ขึ้นชื่อเรื่องมาตรฐานการเรียนการสอนที่เข้มข้น งานวิจัยที่ทันสมัย และอาจารย์ที่เก่งระดับแนวหน้า
ถ้าใครกำลังคิดจะเรียนปริญญาตรีบริหารธุรกิจ (BBA) ที่อเมริกา บอกเลยว่ามีมหาวิทยาลัยให้เลือกเพียบ แต่การจะเลือกที่ที่เหมาะกับตัวเองที่สุดอาจจะเป็นเรื่องยากนิดนึง ในบทความนี้ เราจะพาไปดูมหาวิทยาลัยชั้นนำในอเมริกาที่เปิดสอนหลักสูตร BBA กัน!
ปริญญาตรีบริหารธุรกิจ (BBA) เป็นหลักสูตรยอดฮิตสำหรับใครที่อยากทำงานสายธุรกิจหรือการจัดการ ด้วยเศรษฐกิจที่แข็งแรง มหาวิทยาลัยระดับโลก และโอกาสด้านธุรกิจมากมายในอเมริกา การเรียน BBA ที่นี่ถือว่าเป็นตัวเลือกที่ดีสุด ๆ และนี่คือเหตุผลที่ทำให้อเมริกาน่าสนใจ:
การเรียนการสอนคุณภาพระดับโลก: มหาวิทยาลัยในอเมริกามีโรงเรียนธุรกิจที่ติดอันดับต้น ๆ ของโลก รับรองว่าคุณจะได้เรียนรู้แบบคุณภาพแน่น
เลือกเรียนได้หลายสาขา: หลักสูตร BBA ในอเมริกามีตัวเลือกให้เรียนหลากหลาย เช่น การตลาด การเงิน การจัดการ การบัญชี และอีกเพียบ เลือกได้ตามที่ชอบเลย
สร้างคอนเนคชันได้ง่าย: การเรียนที่นี่เปิดโอกาสให้เจอเพื่อนจากหลายประเทศ อาจารย์ และคนเก่ง ๆ ในวงการธุรกิจ สร้างคอนเนคชันที่จะช่วยในการทำงานในอนาคต
ได้ลงมือทำจริง: หลักสูตรในอเมริกาเน้นการเรียนแบบลงมือทำ เช่น ฝึกงานหรือทำโปรเจกต์จริง ช่วยให้พร้อมทำงานหลังเรียนจบ
ได้รับการยอมรับทั่วโลก: ปริญญา BBA จากอเมริกาเป็นที่ยอมรับระดับสากล จะไปทำงานที่ไหนในโลกก็มีโอกาสสูง
ถ้าอยากเรียนสายธุรกิจและเปิดประสบการณ์ใหม่ ๆ อเมริกาถือเป็นตัวเลือกที่ดีมาก ทั้งได้ความรู้ โอกาสใหม่ ๆ และอนาคตที่สดใส!
เรียนจบ BBA จากมหาวิทยาลัยในอเมริกา เปิดโอกาสทำงานได้หลายสายมาก ไม่ว่าจะเป็นการตลาด การเงิน หรือการจัดการ นี่คืองานยอดฮิตที่เด็กจบ BBA ทำกัน:
นักวิเคราะห์การเงิน (Financial Analyst)
ผู้จัดการการตลาด (Marketing Manager)
ที่ปรึกษาด้านการจัดการ (Management Consultant)
ผู้จัดการฝ่ายบุคคล (Human Resources Manager)
ผู้จัดการฝ่ายขาย (Sales Manager)
ผู้จัดการพัฒนาธุรกิจ (Business Development Manager)
ผู้จัดการงานปฏิบัติการ (Operations Manager)
เจ้าของธุรกิจ (Entrepreneur)
ผู้จัดการโครงการ (Project Manager)
ผู้จัดการซัพพลายเชน (Supply Chain Manager)
การเรียน BBA ในอเมริกา ช่วยให้ได้ทั้งความรู้ธุรกิจแบบแน่น ๆ ทักษะการทำงานจริง และมุมมองระดับโลก ทำให้งานในฝันอยู่ไม่ไกล!
ถ้าอยากเรียน BBA ในอเมริกา แล้วไม่รู้จะเลือกมหาวิทยาลัยไหนดี ลองดูเกณฑ์พวกนี้ที่ช่วยให้ตัดสินใจง่ายขึ้น:
ชื่อเสียงของมหาวิทยาลัย: เลือกมหาวิทยาลัยที่ดังในสายธุรกิจ ดูจากอันดับโลก ผลงานวิจัย หรือศิษย์เก่าที่ประสบความสำเร็จ
หลักสูตรโดนใจ: หลักสูตร BBA ควรสอนพื้นฐานธุรกิจครบ เช่น การเงิน การตลาด การบัญชี และการจัดการ แถมยังควรมีวิชาเลือกหรือโอกาสฝึกงานให้ได้ลองของจริง
อาจารย์เก่ง ๆ: อาจารย์ควรมีความรู้และประสบการณ์เยอะ พร้อมให้คำแนะนำดี ๆ และช่วยให้นักศึกษาประสบความสำเร็จ
นักเรียนจบไปทำงานได้จริง: ดูว่าบัณฑิตที่จบจากที่นี่ได้งานดีแค่ไหน เงินเดือนโอเคไหม หรือมีคนได้เรียนต่อในระดับที่สูงขึ้นหรือเปล่า
สิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน: มหาวิทยาลัยควรมีห้องเรียน ห้องสมุด และอุปกรณ์การเรียนที่ทันสมัย รวมถึงเครือข่ายศิษย์เก่าและพันธมิตรธุรกิจที่ช่วยให้คำปรึกษา
บรรยากาศเปิดกว้าง: มหาวิทยาลัยควรมีความหลากหลาย ทั้งนักศึกษาและอาจารย์ พร้อมส่งเสริมความเข้าใจและการยอมรับในความแตกต่าง
โลเคชันดี เดินทางง่าย: ที่ตั้งควรอยู่ใกล้ศูนย์ธุรกิจ มีการเดินทางสะดวก และค่าครองชีพไม่แพง
ลองเอาเกณฑ์พวกนี้ไปช่วยตัดสินใจ จะได้เลือกที่เหมาะกับตัวเองที่สุด!
ในอเมริกามีมหาวิทยาลัยให้เลือกเยอะมาก ใครที่อยากเรียน BBA อาจจะสับสนไม่รู้จะเลือกที่ไหนดี ไม่ว่าคุณจะชอบมหาวิทยาลัยใหญ่สายวิจัย วิทยาลัยขนาดเล็กที่เน้นศิลปศาสตร์ หรือโรงเรียนธุรกิจเฉพาะทาง อเมริกามีให้ครบ! นี่คือ มหาวิทยาลัยชั้นนำในอเมริกาสำหรับ BBA ตามการจัดอันดับของ U.S. News & World Report ปี 2025
University of Pennsylvania (Wharton School): ตั้งอยู่ที่ฟิลาเดลเฟีย รัฐเพนซิลเวเนีย Wharton School เป็นที่รู้จักในฐานะโรงเรียนธุรกิจชั้นนำระดับโลก
Massachusetts Institute of Technology (MIT Sloan School of Management): ตั้งอยู่ที่เคมบริดจ์ รัฐแมสซาชูเซตส์ MIT Sloan มีชื่อเสียงด้านการวิจัยและนวัตกรรมในสาขาธุรกิจ
University of California, Berkeley (Haas School of Business): ตั้งอยู่ที่เบิร์กลีย์ รัฐแคลิฟอร์เนีย Haas School มีหลักสูตรที่เน้นการเป็นผู้นำและการประกอบการ
University of Michigan, Ann Arbor (Ross School of Business): ตั้งอยู่ที่แอนอาร์เบอร์ รัฐมิชิแกน Ross School มีหลักสูตรที่เน้นการเรียนรู้เชิงปฏิบัติและการสร้างเครือข่าย
New York University (Stern School of Business): ตั้งอยู่ที่นิวยอร์กซิตี้ รัฐนิวยอร์ก Stern School มีความเชื่อมโยงกับศูนย์กลางธุรกิจระดับโลก
University of Texas at Austin (McCombs School of Business): ตั้งอยู่ที่ออสติน รัฐเท็กซัส McCombs School มีหลักสูตรที่หลากหลายและโอกาสการฝึกงานที่ดี
Carnegie Mellon University (Tepper School of Business): ตั้งอยู่ที่พิตต์สเบิร์ก รัฐเพนซิลเวเนีย Tepper School มีความเชี่ยวชาญด้านการวิเคราะห์ข้อมูลและเทคโนโลยี
Indiana University Bloomington (Kelley School of Business): ตั้งอยู่ที่บลูมิงตัน รัฐอินเดียนา Kelley School มีหลักสูตรที่ยืดหยุ่นและโอกาสการเรียนรู้เชิงปฏิบัติ
University of North Carolina at Chapel Hill (Kenan-Flagler Business School): ตั้งอยู่ที่แชเปิลฮิลล์ รัฐนอร์ทแคโรไลนา Kenan-Flagler School มีหลักสูตรที่เน้นการเป็นผู้นำและการประกอบการ
University of Southern California (Marshall School of Business): ตั้งอยู่ที่ลอสแอนเจลิส รัฐแคลิฟอร์เนีย Marshall School มีความเชื่อมโยงกับอุตสาหกรรมบันเทิงและเทคโนโลยี
แต่ละมหาวิทยาลัยมีจุดเด่นเฉพาะตัว ลองดูรายละเอียดหลักสูตรหรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเพื่อเลือกที่เหมาะกับคุณที่สุด!
Wharton School ที่มหาวิทยาลัยเพนซิลเวเนียถือเป็นหนึ่งในโรงเรียนธุรกิจชั้นนำระดับโลก โดยเปิดสอนหลักสูตรปริญญาตรีวิทยาศาสตร์สาขาเศรษฐศาสตร์ (Bachelor of Science in Economics) พร้อมตัวเลือกวิชาเฉพาะทาง เช่น การเงิน การตลาด การปฏิบัติการ และการจัดการ รวมถึงวิชาเลือกในด้านอสังหาริมทรัพย์ ธุรกิจระหว่างประเทศ และการประกอบการ
การรับสมัครในหลักสูตรปริญญาตรีของ Wharton ดำเนินการโดยสำนักงานรับสมัครนักศึกษาปริญญาตรีส่วนกลางของมหาวิทยาลัย (Office of Undergraduate Admissions) แม้จะไม่มีเกณฑ์ที่ตายตัวสำหรับเกรดหรือคะแนนสอบ แต่ผู้สมัครที่ประสบความสำเร็จมักจะมีคุณสมบัติดังนี้:
ผลการเรียนดีเยี่ยม: ผลการเรียนระดับมัธยมศึกษาตอนปลายที่โดดเด่น โดยเฉพาะในวิชาคณิตศาสตร์
คะแนนสอบมาตรฐาน (ถ้ามี): การส่งคะแนน SAT หรือ ACT เป็นตัวเลือกสำหรับรอบการสมัครปี 2024–2025
ทักษะภาษาอังกฤษ: สำหรับผู้ที่ภาษาอังกฤษไม่ใช่ภาษาแม่ ต้องยื่นผลสอบ TOEFL, IELTS หรือ Duolingo English Test
กิจกรรมเสริมหลักสูตร: การมีส่วนร่วมในกิจกรรมที่แสดงถึงความเป็นผู้นำ การบริการชุมชน หรือกิจกรรมพิเศษอื่น ๆ
ผู้สมัครต้องส่งเอกสารดังนี้:
ใบแสดงผลการเรียน: รายงานผลการเรียนจากโรงเรียนทุกแห่งที่เคยเข้าเรียน
คะแนนสอบมาตรฐาน (ถ้ามี): คะแนน SAT หรือ ACT (หากเลือกส่ง)
ผลสอบภาษาอังกฤษ: คะแนน TOEFL, IELTS หรือ Duolingo English Test
จดหมายแนะนำตัว (LORs): จากครูหรือที่ปรึกษาที่สามารถรับรองความสามารถทางวิชาการและคุณลักษณะของผู้สมัครได้
เรียงความส่วนตัว (Personal Essays): การตอบคำถามในใบสมัครที่แสดงถึงความสนใจและแรงจูงใจ
เอกสารแสดงสถานะการเงิน: สำหรับนักศึกษาต่างชาติที่ขอทุนการศึกษา
หัวข้อ | รายละเอียด |
ช่องทางการสมัคร | Common Application หรือ Coalition Application |
ค่าสมัคร | $75 |
กำหนดเวลาการสมัคร | Early Decision: 1 พฤศจิกายน |
ช่วงการรับเข้า | ภาคฤดูใบไม้ร่วง (Fall) |
ทุนการศึกษา | มีทุนการศึกษาสำหรับนักศึกษาต่างชาติ |
Wharton School ไม่ได้มอบแค่การศึกษา แต่ยังเปิดโอกาสให้นักศึกษาได้เตรียมตัวสำหรับความสำเร็จในโลกธุรกิจระดับโลก!
MIT Sloan School of Management เปิดสอนหลักสูตรปริญญาตรีด้านการจัดการที่ครอบคลุม โดยเน้นการแก้ปัญหา ความเป็นผู้นำ และการประกอบการ หลักสูตรถูกออกแบบมาเพื่อให้นักศึกษาได้รับความรู้และทักษะที่จำเป็นสำหรับการประสบความสำเร็จในสภาพแวดล้อมทางธุรกิจที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว นักศึกษาสามารถเลือกเรียนในสาขาเฉพาะทาง เช่น การปฏิบัติการ การตลาด และการเงิน
กระบวนการรับสมัครของ MIT ใช้การประเมินแบบองค์รวมที่ให้ความสำคัญกับผู้สมัครเป็นศูนย์กลาง โดยพิจารณาแต่ละใบสมัครในบริบทที่เป็นเอกลักษณ์ การคัดเลือกผู้สมัครขึ้นอยู่กับผลการเรียนที่โดดเด่นและความเหมาะสมระหว่างผู้สมัครกับสถาบัน ผู้สมัครไม่จำเป็นต้องระบุสาขาหรือภาควิชาเฉพาะในการสมัคร แต่จะได้รับการรับเข้าเรียนที่ MIT โดยรวม และสามารถเลือกสาขาวิชาเอกได้ในปีที่สอง
ผู้สมัครต้องเตรียมเอกสารดังนี้:
ใบแสดงผลการเรียน (Academic Transcripts): รายงานผลการเรียนอย่างเป็นทางการจากโรงเรียนมัธยมปลายทุกแห่งที่เคยเข้าเรียน
คะแนนสอบมาตรฐาน (Standardized Test Scores): คะแนน SAT หรือ ACT เป็นทางเลือกสำหรับรอบการสมัครปี 2024–2025
ความสามารถทางภาษาอังกฤษ (English Language Proficiency): ผู้ที่ไม่ได้ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาแม่ต้องยื่นผลสอบ TOEFL หรือ IELTS
จดหมายแนะนำตัว (Letters of Recommendation): โดยปกติจะมาจากครูหรือที่ปรึกษาที่สามารถรับรองความสามารถทางวิชาการและลักษณะนิสัยของผู้สมัคร
เรียงความส่วนตัว (Personal Essays): การตอบคำถามที่กำหนดในใบสมัครเพื่อแสดงความสนใจและแรงจูงใจของผู้สมัคร
เอกสารทางการเงิน (Financial Documents): สำหรับนักศึกษาต่างชาติที่ต้องการขอทุนการศึกษา จะต้องยื่นข้อมูลทางการเงินเพิ่มเติม
หมวดหมู่ | รายละเอียด |
ช่องทางการสมัคร | |
ค่าสมัคร | $75 (สามารถขอยกเว้นค่าสมัครได้) |
การทดสอบภาษาอังกฤษที่รับ | IELTS, TOEFL |
กำหนดเวลาการสมัคร | Early Action: 1 พฤศจิกายน Regular Action: 1 มกราคม |
ช่วงการรับเข้า | ภาคฤดูใบไม้ร่วง (Fall Semester) |
ทุนการศึกษาสำหรับนักศึกษาต่างชาติ | มี (เป็นทุนตามความจำเป็น - Need-based) |
หลักสูตรของ MIT Sloan School of Management ไม่เพียงแต่มอบความรู้ แต่ยังเตรียมความพร้อมให้นักศึกษาเข้าสู่โลกธุรกิจที่ท้าทายและเต็มไปด้วยโอกาส!
Haas School of Business ของมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย เบิร์กลีย์ เป็นที่รู้จักในด้านหลักสูตรที่ล้ำสมัยและการสอนเชิงปฏิบัติ หลักสูตรปริญญาตรีด้านบริหารธุรกิจ (BBA) เน้นการพัฒนาทักษะการคิดวิเคราะห์และเตรียมความพร้อมสำหรับการเป็นผู้นำในหลากหลายอุตสาหกรรม นอกจากวิชาธุรกิจพื้นฐานแล้ว นักศึกษายังสามารถเลือกเรียนวิชาเลือกในสาขาต่าง ๆ เช่น การประกอบการ (Entrepreneurship) ความยั่งยืน (Sustainability) และเทคโนโลยี (Technology)
นักศึกษาต้องสำเร็จวิชาพื้นฐานที่จำเป็นทั้งหมด โดยได้เกรดขั้นต่ำ C- ก่อนสิ้นสุดภาคการศึกษาฤดูใบไม้ผลิของปีก่อนเริ่มเรียน
วิชาที่ใช้สมัครต้องเรียนจบภายใน 5 ปีที่ผ่านมา และต้องมีหน่วยกิตอย่างน้อย 3 หน่วย (semester) หรือ 4 หน่วย (quarter)
นักศึกษาต้องมีหน่วยกิตรวมอย่างน้อย 60 หน่วย (semester) หรือ 90 หน่วย (quarter)
ผลสอบภาษาอังกฤษ: ต้องมีคะแนน IELTS ขั้นต่ำ 6.5 ขึ้นไป
หมายเหตุ: สำนักงานรับสมัครต้องได้รับผลสอบก่อนเดือนมกราคม หากต้องการสมัครเรียนภาคฤดูใบไม้ร่วง
ผลสอบ SAT/ACT: UC Berkeley เป็นมหาวิทยาลัยที่ไม่ใช้คะแนน SAT/ACT ในการรับสมัครอีกต่อไป แต่หากส่งผลสอบ สามารถใช้สำหรับการจัดอันดับวิชาหรือรับเครดิตในบางหัวข้อได้
ผลสอบเพิ่มเติม: เช่น SAT Subject Test, AP Test หรือ IB Test สามารถเพิ่มโอกาสในการพิจารณาใบสมัคร
การสอบ | ช่วงคะแนน | คะแนนเฉลี่ยที่ควรได้ |
ACT | 1-36 | 29-35 |
SAT | 400-1600 | 1330-1530 |
หัวข้อ | รายละเอียด |
ช่องทางการสมัคร | Common App Portal |
ค่าสมัคร | $70 |
การทดสอบภาษาอังกฤษที่รับ | IELTS |
กำหนดเวลาสมัครสำหรับนักศึกษาต่างชาติ | 30 พฤศจิกายน |
ช่วงการรับเข้า | ภาคฤดูใบไม้ร่วง (Fall) |
ทุนการศึกษาสำหรับนักศึกษาต่างชาติ | มี |
Haas School of Business เป็นหนึ่งในโรงเรียนธุรกิจชั้นนำที่ไม่เพียงแต่สอนด้านวิชาการ แต่ยังช่วยให้นักศึกษาได้พัฒนาทักษะสำคัญสำหรับโลกธุรกิจที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา!
คณะบริหารธุรกิจ Ross School of Business ของมหาวิทยาลัยมิชิแกน (University of Michigan) เป็นที่รู้จักในด้านหลักสูตรปริญญาตรีบริหารธุรกิจ (BBA) ที่เน้นการทำงานร่วมกัน การสื่อสาร และการคิดวิเคราะห์ หลักสูตรนี้ประกอบด้วยวิชาพื้นฐานด้านธุรกิจหลากหลาย และเปิดโอกาสให้นักศึกษาได้เรียนรู้ผ่านประสบการณ์จริง เช่น การฝึกงาน การทำงานที่ปรึกษา และโครงการแลกเปลี่ยนระหว่างประเทศ นอกจากนี้ นักศึกษายังสามารถเลือกสาขาวิชาเฉพาะทาง เช่น การตลาด การเงิน และการบัญชี
หากคุณสนใจสมัครเข้าศึกษาที่ Ross School of Business ควรปฏิบัติตามขั้นตอนดังนี้:
ตรวจสอบกำหนดเวลาการสมัคร: กำหนดส่งใบสมัครแบบ Early Action คือวันที่ 1 พฤศจิกายน และแบบ Regular Decision คือวันที่ 1 กุมภาพันธ์
เริ่มต้นการสมัครผ่าน Common Application: เลือก "Stephen M. Ross School of Business" เป็นหน่วยงานที่คุณต้องการสมัคร
เขียนเรียงความ: ตอบคำถามที่กำหนดในใบสมัคร เพื่อแสดงถึงความสนใจและเป้าหมายของคุณ
จัดทำ Ross Admissions Portfolio: ประกอบด้วยการวิเคราะห์กรณีศึกษาทางธุรกิจและการนำเสนอผลงานที่แสดงถึงความสามารถของคุณ
ส่งใบสมัคร Common Application: ตรวจสอบข้อมูลและเอกสารให้ครบถ้วนก่อนส่ง
ผลการเรียนระดับมัธยมปลาย: แสดงผลการเรียนที่ดีในวิชาหลัก
ผลการทดสอบความสามารถทางภาษาอังกฤษ: เช่น IELTS โดยทั่วไปต้องมีคะแนนรวมอย่างน้อย 7.0 และแต่ละส่วนไม่ต่ำกว่า 6.5
จดหมายรับรองจากครู: อย่างน้อยหนึ่งฉบับจากครูที่สอนวิชาหลัก
เรียงความ: ตอบคำถามที่กำหนดในใบสมัคร
หมวดหมู่ | รายละเอียด |
ช่องทางการสมัคร | Common Application Portal |
ค่าสมัคร | $75 |
กำหนดเวลาสมัคร | Early Action: 1 พฤศจิกายน |
การทดสอบภาษาอังกฤษที่รับ | IELTS (ขั้นต่ำ 7.0 รวม และแต่ละส่วนไม่ต่ำกว่า 6.5) |
เอกสารที่ต้องใช้ | ผลการเรียนระดับมัธยมปลาย, คะแนน IELTS, จดหมายรับรองจากครู, เรียงความ |
ช่วงการรับเข้า | ภาคฤดูใบไม้ร่วง (Fall) |
ทุนการศึกษาสำหรับนักศึกษาต่างชาติ | มีบางส่วนสำหรับนักศึกษาต่างชาติ |
หมายเหตุ: การสมัครต้องแนบ Ross Admissions Portfolio และตรวจสอบให้ครบถ้วนก่อนส่งใบสมัครผ่าน Common Application Portal
มหาวิทยาลัยคาร์เนกีเมลลอน (Carnegie Mellon University) เป็นสถาบันการศึกษาที่มีชื่อเสียงระดับโลก มีศิษย์เก่าที่ประสบความสำเร็จในหลากหลายสาขา ไม่ว่าจะเป็นวิทยาการคอมพิวเตอร์ ศิลปะ วรรณกรรม ธุรกิจ และการวิจัย ศิษย์เก่าของที่นี่ได้รับการยอมรับจากนายจ้างชั้นนำ เช่น Google, Pixar, Deloitte รวมถึงบริษัทสตาร์ทอัพและองค์กรวิจัยต่างๆ
ผู้สมัครต้องแสดงหลักฐานการสำเร็จการศึกษาระดับมัธยมปลายภายในสิ้นเดือนพฤษภาคมของปีที่สำเร็จการศึกษา และต้องส่งทรานสคริปต์ฉบับสมบูรณ์หรือใบรับรองการสำเร็จการศึกษาจากโรงเรียนหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องภายในสิ้นเดือนกรกฎาคมของปีที่เข้าศึกษา
ใบสมัครผ่าน Common Application
ทรานสคริปต์มัธยมปลาย
ผลการทดสอบความสามารถทางภาษาอังกฤษ เช่น IELTS
จดหมายรับรองจากที่ปรึกษาโรงเรียน
จดหมายแนะนำจากครู
เรียงความตามที่กำหนดใน Common Application
หมวดหมู่ | รายละเอียด |
ช่องทางการสมัคร | Common Application หรือ Coalition Application |
ค่าสมัคร | $75 |
การทดสอบความสามารถทางภาษาอังกฤษ | IELTS |
กำหนดเวลาสำหรับนักศึกษาต่างชาติ | Early Decision: ต้นเดือนพฤศจิกายน |
ช่วงการรับเข้า | ภาคฤดูใบไม้ร่วง (Fall) |
ทุนการศึกษาสำหรับนักศึกษาต่างชาติ | มีให้บริการ |
หมายเหตุ: ข้อมูลนี้อ้างอิงจากเว็บไซต์ของโปรแกรมวิศวกรรมซอฟต์แวร์ของมหาวิทยาลัยคาร์เนกีเมลลอน
มหาวิทยาลัยนิวยอร์ก (NYU) เป็นสถาบันการศึกษาที่มีชื่อเสียงระดับโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านธุรกิจและการจัดการ หลักสูตรปริญญาตรีสาขาบริหารธุรกิจ (BBA) ของ NYU Stern School of Business มุ่งเน้นการเรียนรู้ผ่านประสบการณ์จริงและมุมมองระดับโลก นักศึกษาจะได้รับพื้นฐานที่แข็งแกร่งในด้านธุรกิจ พร้อมโอกาสฝึกงาน โครงการวิจัย และการศึกษาในต่างประเทศ นอกจากนี้ ยังมีสาขาวิชาให้เลือกหลากหลาย เช่น ผู้ประกอบการ การเงิน และการตลาด
การสมัครเข้าศึกษาที่ NYU ต้องดำเนินการผ่านระบบ Common Application โดยมีขั้นตอนสำคัญดังนี้:
อีเมลที่ใช้งานได้: ผู้สมัครต้องระบุอีเมลที่ถูกต้องและใช้งานได้ เพื่อรับข้อมูลอัปเดตเกี่ยวกับการสมัคร
เลือกวิทยาเขตและหลักสูตร: ระบุวิทยาเขตของ NYU และหลักสูตรที่สนใจสมัคร
ข้อมูลผู้แนะนำ: ระบุข้อมูลของครูแนะแนวหรือผู้ที่จะแนะนำผ่าน Common Application School Report
จดหมายแนะนำ (LOR): ระบุอีเมลของผู้แนะนำ เช่น ครูหรือที่ปรึกษา ที่จะเขียนจดหมายแนะนำ
ผลการเรียน: สำเนาผลการเรียนจากโรงเรียนมัธยมปลาย
คะแนนสอบมาตรฐาน: NYU ไม่บังคับให้ส่งคะแนน SAT หรือ ACT แต่หากมี สามารถส่งเพื่อเสริมการพิจารณาได้
ความสามารถทางภาษาอังกฤษ: สำหรับผู้ที่ภาษาอังกฤษไม่ใช่ภาษาแม่ ต้องส่งคะแนนทดสอบความสามารถทางภาษาอังกฤษ เช่น IELTS
จดหมายแนะนำ: จดหมายแนะนำจากครูหรือที่ปรึกษา
เรียงความ: ตอบคำถามที่กำหนดในใบสมัคร เพื่อแสดงถึงความสนใจและแรงจูงใจในการศึกษา
รายการ | รายละเอียด |
ช่องทางการสมัคร | Common Application Portal |
ค่าธรรมเนียมการสมัคร | $80 |
การทดสอบความสามารถทางภาษาอังกฤษที่รับ | IELTS |
กำหนดส่งใบสมัครสำหรับนักศึกษาต่างชาติ | รอบ Early Decision: 1 พฤศจิกายน |
ช่วงเวลาการรับเข้าเรียน | ภาคฤดูใบไม้ร่วง และ ภาคฤดูใบไม้ผลิ |
ทุนการศึกษาสำหรับนักศึกษาต่างชาติ | มีให้บริการ |
การเตรียมตัวและส่งเอกสารตามที่กำหนดจะช่วยเพิ่มโอกาสในการได้รับการตอบรับเข้าศึกษาที่ NYU Stern School of Business
มหาวิทยาลัยเท็กซัสที่ออสติน (The University of Texas at Austin) เป็นมหาวิทยาลัยวิจัยสาธารณะในเมืองออสติน รัฐเท็กซัส ก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2426 ปัจจุบันมีนักศึกษาประมาณ 52,000 คน และคณาจารย์กว่า 3,000 คน
สำหรับการสมัครเข้าศึกษาระดับปริญญาตรีที่มหาวิทยาลัยเท็กซัสที่ออสติน นักศึกษาสามารถเลือกใช้ระบบ Common App หรือ ApplyTexas ในการสมัคร ผู้สมัครต้องกรอกประวัติการศึกษาอย่างครบถ้วน รวมถึงวิชาที่เรียนและเกรดที่ได้รับ
ใบแสดงผลการเรียนระดับมัธยมปลาย: ต้องมีรายละเอียดวิชาที่เรียนและเกรดที่ได้รับ
ใบแสดงผลการเรียนจากวิทยาลัยหรือมหาวิทยาลัย (ถ้ามี): สำหรับผู้ที่เคยเรียนหรือได้รับหน่วยกิตจากสถาบันอื่น
ประวัติย่อ (Resume): สรุปประสบการณ์การทำงาน กิจกรรม และความสำเร็จต่าง ๆ
จดหมายแนะนำ (Letters of Recommendation): จากครูหรือผู้ที่รู้จักความสามารถของผู้สมัคร
คะแนนสอบ SAT หรือ ACT: มหาวิทยาลัยรับพิจารณาคะแนนจากการสอบมาตรฐานเหล่านี้
คะแนนสอบ GRE หรือ GMAT: สำหรับผู้สมัครระดับบัณฑิตศึกษา
ผลการทดสอบความสามารถทางภาษาอังกฤษ: เช่น IELTS โดยต้องมีคะแนนรวมอย่างน้อย 6.5
รายการ | รายละเอียด |
ช่องทางการสมัคร | Common App หรือ ApplyTexas |
ค่าธรรมเนียมการสมัคร | $90 |
การทดสอบความสามารถทางภาษาอังกฤษที่รับ | IELTS |
กำหนดส่งใบสมัครสำหรับนักศึกษาต่างชาติ | ภาคฤดูร้อนและฤดูใบไม้ร่วง: มีนาคม |
ช่วงเวลาการรับเข้าเรียน | ฤดูใบไม้ร่วง, ฤดูใบไม้ผลิ, ฤดูร้อน |
ทุนการศึกษาสำหรับนักศึกษาต่างชาติ | มีให้บริการ |
มหาวิทยาลัยคอร์เนลล์ (Cornell University) ตั้งอยู่ในเมืองอิธากา รัฐนิวยอร์ก เป็นมหาวิทยาลัยวิจัยเอกชนในกลุ่มไอวีลีกที่มีชื่อเสียงระดับโลก ภายในมหาวิทยาลัยมีวิทยาลัยธุรกิจ SC Johnson College of Business ซึ่งประกอบด้วยสามโรงเรียนหลัก ได้แก่ Charles H. Dyson School of Applied Economics and Management, Cornell Peter and Stephanie Nolan School of Hotel Administration และ Samuel Curtis Johnson Graduate School of Management
วิทยาลัยธุรกิจ SC Johnson College of Business มีโปรแกรมปริญญาตรีที่โดดเด่นสองโปรแกรม:
ปริญญาตรีวิทยาศาสตร์สาขาเศรษฐศาสตร์ประยุกต์และการจัดการ (BS in Applied Economics and Management): โปรแกรมนี้มุ่งเน้นการประยุกต์ใช้หลักเศรษฐศาสตร์และการจัดการในสาขาต่าง ๆ เช่น การเงิน การตลาด และการพัฒนาระหว่างประเทศ
ปริญญาตรีวิทยาศาสตร์สาขาการบริหารโรงแรม (BS in Hotel Administration): โปรแกรมนี้เน้นการบริหารจัดการในอุตสาหกรรมการบริการ เช่น โรงแรม ร้านอาหาร และการท่องเที่ยว
หัวข้อ | รายละเอียด |
ช่องทางการสมัคร | Common Application |
เอกสารที่ต้องใช้ | - ใบแสดงผลการเรียนระดับมัธยมปลาย |
ค่าธรรมเนียมการสมัคร | $80 |
การทดสอบภาษาอังกฤษที่รับ | IELTS (แนะนำคะแนนรวมขั้นต่ำ 7.0) |
กำหนดส่งใบสมัคร | - Early Decision: 1 พฤศจิกายน |
การทดสอบมาตรฐานที่ใช้ | SAT หรือ ACT |
ทุนการศึกษาสำหรับนักศึกษาต่างชาติ | มีทุนการศึกษาและความช่วยเหลือทางการเงิน |
เว็บไซต์ข้อมูลเพิ่มเติม |
ค่าเล่าเรียนสำหรับนักศึกษาปริญญาตรีในปีการศึกษา 2024-2025 อยู่ที่ประมาณ $62,456 ต่อปี นอกจากนี้ยังมีค่าที่พักและค่าใช้จ่ายอื่น ๆ มหาวิทยาลัยมีโครงการช่วยเหลือทางการเงินสำหรับนักศึกษาต่างชาติที่มีความต้องการ
Kelley School of Business ที่มหาวิทยาลัยอินเดียนา (Indiana University) เปิดสอนหลักสูตรปริญญาตรีด้านธุรกิจที่ครอบคลุม เพื่อเตรียมความพร้อมให้นักศึกษาได้รับความรู้และทักษะที่จำเป็นในโลกธุรกิจ
ผู้สมัครต้องมีคุณสมบัติดังนี้:
ผลการเรียนอย่างเป็นทางการ (Academic Records):
ต้องยื่นใบแสดงผลการเรียนจากโรงเรียนมัธยมปลาย พร้อมผลการเรียนที่แสดงถึงความสามารถทางวิชาการ
ผลสอบภาษาอังกฤษ (English Language Proficiency):
ผู้ที่ไม่ได้ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาแม่ต้องแสดงผลสอบภาษาอังกฤษ เช่น
IELTS: คะแนนรวมขั้นต่ำ 6.5
TOEFL: คะแนนขั้นต่ำ 79
Duolingo English Test: คะแนนขั้นต่ำ 105
คะแนนสอบมาตรฐาน (Standardized Test Scores):
การยื่นคะแนน SAT หรือ ACT เป็นตัวเลือก (ไม่บังคับ) แต่คะแนนที่สูงสามารถเสริมใบสมัครได้
จดหมายแนะนำตัว (Letters of Recommendation - LOR):
แม้ไม่จำเป็น แต่การมีจดหมายแนะนำจากครูหรือที่ปรึกษาจะช่วยให้ใบสมัครมีความน่าสนใจมากขึ้น
เรียงความส่วนตัว (Personal Statement หรือ Essay):
บทความที่แสดงถึงแรงจูงใจ ประสบการณ์ และเป้าหมายของผู้สมัคร
หัวข้อ | รายละเอียด |
ขั้นตอนการสมัคร | - สมัครผ่าน Apply IU Application หรือ Common Application |
- ยื่นเอกสารที่เกี่ยวข้อง เช่น ใบแสดงผลการเรียน จดหมายแนะนำตัว และเรียงความ | |
- เลือกรอบสมัคร: Early Action (1 พฤศจิกายน) หรือ Regular Decision (1 กุมภาพันธ์) | |
ค่าธรรมเนียมการสมัคร | $65 (ไม่สามารถขอคืนได้) |
ทุนการศึกษาและความช่วยเหลือทางการเงิน | มีทุนการศึกษาสำหรับนักศึกษาต่างชาติ โดยพิจารณาจากผลการเรียนและคุณสมบัติเฉพาะของแต่ละคน |
มหาวิทยาลัยนอร์ทแคโรไลนาแห่งแชเปิลฮิลล์ (UNC-Chapel Hill) เป็นมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงในสหรัฐอเมริกา การสมัครเข้าศึกษาระดับปริญญาตรีที่นี่มีขั้นตอนและข้อกำหนดที่ชัดเจน เพื่อช่วยให้คุณเข้าใจและเตรียมตัวได้อย่างถูกต้อง ข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับการสมัครมีดังนี้
กรอกใบสมัครออนไลน์: ผ่านทางพอร์ทัลการสมัครของมหาวิทยาลัย
ชำระค่าธรรมเนียมการสมัคร: $85
ส่งเอกสารประกอบการสมัคร:
ใบแสดงผลการเรียนจากโรงเรียนมัธยม
จดหมายแนะนำจากครูหรือที่ปรึกษา
ผลการทดสอบความสามารถทางภาษาอังกฤษ (สำหรับนักศึกษาต่างชาติ)
ผลการทดสอบมาตรฐาน เช่น SAT หรือ ACT (หากมี)
เอกสารแสดงความสามารถทางการเงิน (สำหรับนักศึกษาต่างชาติ)
เขียนเรียงความ: ตามหัวข้อที่มหาวิทยาลัยกำหนด
UNC-Chapel Hill มีทุนการศึกษาและความช่วยเหลือทางการเงินสำหรับนักศึกษาต่างชาติ อย่างไรก็ตาม การแข่งขันสูงและมีจำนวนจำกัด นักศึกษาควรเตรียมเอกสารและสมัครภายในกำหนดเวลา เพื่อเพิ่มโอกาสในการได้รับทุน
รายการ | รายละเอียด |
พอร์ทัลการสมัคร | พอร์ทัลการสมัครของมหาวิทยาลัย |
ค่าธรรมเนียมการสมัคร | $85 |
การทดสอบความสามารถทางภาษาอังกฤษ | IELTS, TOEFL |
การทดสอบมาตรฐาน | SAT หรือ ACT (ไม่บังคับ แต่ถ้ามีจะช่วยในการพิจารณา) |
กำหนดเวลาการสมัคร | Early Action: 15 ตุลาคม |
ทุนการศึกษา | มีสำหรับนักศึกษาต่างชาติ แต่มีจำนวนจำกัดและการแข่งขันสูง |
หลังจากจบการศึกษา ผู้ถือวีซ่า F1 ในหลักสูตรที่ไม่ใช่ STEM ที่ต้องการขยายเวลาการทำงานภายใต้ OPT (Optional Practical Training) สามารถใช้คุณวุฒิเดิมที่ได้รับจากวิทยาลัยหรือมหาวิทยาลัยในสหรัฐฯ เพื่อยื่นขอขยายเวลาการทำงานได้
งานต้องเกี่ยวข้องกับสาขาที่ศึกษา: หลังจากจบการศึกษาหลักสูตร BBA งานที่ได้รับต้องเกี่ยวข้องกับสาขาวิชาที่คุณเรียน
ระยะเวลา 90 วัน: คุณมีเวลา 90 วันหลังจบการศึกษาในการหางาน
เริ่มกระบวนการ OPT: คุณสามารถเริ่มสมัคร OPT ได้หลังจากเรียนไปแล้ว 9 เดือน แต่ไม่สามารถเริ่มทำงานได้จนกว่าจะได้รับเอกสารอนุญาตการทำงาน (Employment Authorization Document - EAD) จาก USCIS และต้องลงทะเบียนเรียนอย่างน้อย 1 ปี
การยื่นขอ EAD: คุณสามารถสมัครขอ EAD ได้โดยไม่จำเป็นต้องมีงานอยู่ก่อน และงานภายใต้ OPT สามารถทำได้ในทุกที่ในสหรัฐฯ
หลังจากจบหลักสูตรการศึกษาในสหรัฐฯ นักศึกษาต่างชาติสามารถสมัคร Optional Practical Training (OPT) ซึ่งเป็นใบอนุญาตทำงานและอยู่ต่อในสหรัฐฯ ได้สูงสุด 1 ปี
Pre-Completion OPT: ใช้ในระหว่างที่ยังศึกษาอยู่
Post-Completion OPT: เริ่มต้นหลังจากจบการศึกษา
การทำงานภายใต้ OPT เปิดโอกาสให้นักศึกษาต่างชาติได้ฝึกงานและพัฒนาทักษะในสายงานที่เกี่ยวข้องกับการเรียนในสหรัฐฯ
OPT เป็นโอกาสสำหรับนักศึกษาต่างชาติที่ถือวีซ่า F-1 ในสหรัฐอเมริกา เพื่อฝึกงานและทำงานในสายวิชาที่เกี่ยวข้องกับการศึกษา OPT ช่วยให้นักศึกษาได้พัฒนาทักษะในสาขาที่เรียนและสร้างประสบการณ์การทำงานในสหรัฐฯ
Pre-Completion OPT:
ใช้ในระหว่างที่ยังเรียนอยู่
นักศึกษาสามารถเริ่มทำงานได้หลังจากเรียนในสหรัฐฯ มาอย่างน้อย 1 ปี
สามารถทำงานนอกเวลา (Part-Time) ระหว่างเรียน หรือเต็มเวลา (Full-Time) ในช่วงปิดเทอม
Post-Completion OPT:
ใช้หลังจากจบการศึกษา
อนุญาตให้ทำงานเต็มเวลาได้
ระยะเวลาใช้งานสูงสุด 12 เดือน
ต้องถือ วีซ่า F-1 และกำลังศึกษาในสาขาที่ได้รับการอนุมัติ
งานที่เลือกต้องเกี่ยวข้องกับสายวิชาที่เรียน
ต้องมีผลการเรียนดี และรักษาสถานะวีซ่า F-1 ตลอดการศึกษา
ลงทะเบียนเรียนอย่างน้อย 1 ปีในสถาบันที่ได้รับการรับรองในสหรัฐฯ
ขอคำแนะนำจาก DSO (Designated School Official): ขอการอนุมัติ OPT และรับเอกสาร I-20 ที่ปรับปรุงแล้ว
กรอกแบบฟอร์ม I-765: แบบฟอร์มนี้ใช้สำหรับสมัคร EAD (Employment Authorization Document)
ยื่นใบสมัครไปยัง USCIS: ส่งแบบฟอร์ม I-765 และเอกสารประกอบไปยัง USCIS
รอรับ EAD: หลังจากได้รับอนุมัติ นักศึกษาจะได้รับ EAD ซึ่งอนุญาตให้เริ่มทำงานได้
นักศึกษามีเวลา 90 วันหลังจบการศึกษาในการหางาน
สามารถสมัคร OPT ได้ล่วงหน้า 90 วันก่อนจบการศึกษา หรือภายใน 60 วันหลังจบ
การทำงานภายใต้ OPT สามารถทำได้ทุกที่ในสหรัฐฯ ตราบใดที่เกี่ยวข้องกับสายวิชาที่เรียน
สำหรับนักศึกษาที่เรียนในสาขา STEM (วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี วิศวกรรมศาสตร์ และคณิตศาสตร์) สามารถขยายเวลา OPT ได้อีก 24 เดือน
ต้องได้รับการจ้างงานจากนายจ้างที่เข้าร่วมโครงการ E-Verify
OPT เป็นโอกาสที่ยอดเยี่ยมสำหรับนักศึกษาต่างชาติในการพัฒนาประสบการณ์การทำงานในสายวิชาที่เรียนและเปิดประตูสู่โอกาสในอนาคต!
สร้างโปรไฟล์พร้อมทั้งปลดล็อกคุณสมบัติต่าง ๆ มากมาย รวมถึงคำแนะนำแบบส่วนตัว แอปพลิเคชันที่ติดตามได้อย่างรวดเร็ว และอื่น ๆ อีกมากมาย
Dive into our extensive collection of articles by using our comprehensive topic search tool.