หัวข้อที่ครอบคลุม
ด้วยมหาวิทยาลัยระดับโลก วัฒนธรรมที่หลากหลาย และโอกาสมากมาย ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมนักเรียนจากทั่วโลกจึงใฝ่ฝันที่จะศึกษาต่อในสหรัฐอเมริกา อย่างไรก็ตาม กระบวนการขอวีซ่านักเรียนอาจซับซ้อนและต้องปฏิบัติตามกฎระเบียบที่เข้มงวด
คู่มือนี้จะช่วยให้คุณเข้าใจขั้นตอนการสมัครและเตรียมความพร้อมอย่างครบถ้วน พร้อมหรือยัง? มาเริ่มกันเลย!
กฎระเบียบเกี่ยวกับวีซ่านักเรียนสหรัฐฯ มีการเปลี่ยนแปลงตามนโยบายและความต้องการที่เปลี่ยนไป ล่าสุด สำนักงานบริการด้านสัญชาติและตรวจคนเข้าเมืองของสหรัฐอเมริกา (USCIS) ได้ประกาศอัปเดตเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและความปลอดภัยในการดำเนินงาน
ผู้สมัครวีซ่าประเภท F, M และ J ต้องกรอกข้อมูลหนังสือเดินทางอย่างถูกต้องเมื่อนัดหมายสัมภาษณ์วีซ่า เพื่อป้องกันข้อผิดพลาดและเพิ่มความแม่นยำในระบบ
กฎระเบียบใหม่ส่งผลต่อโอกาสฝึกงานของนักศึกษาต่างชาติในสหรัฐฯ ดังนี้
Optional Practical Training (OPT) สำหรับวีซ่า F-1
Pre-Completion OPT: นักศึกษาสามารถทำงานนอกเวลาได้ระหว่างเรียน
Post-Completion OPT: อนุญาตให้ทำงานได้สูงสุด 12 เดือน หลังจบการศึกษา
Curricular Practical Training (CPT)
อนุญาตให้ นักศึกษาวีซ่า F-1 ทำงานเต็มเวลาในสายงานที่เกี่ยวข้องกับหลักสูตรที่ศึกษา
Practical Training (PT) สำหรับวีซ่า M-1
นักศึกษาที่เรียนหลักสูตรสายอาชีพสามารถฝึกงานหลังจบการศึกษาได้ ตามระยะเวลาหลักสูตร
การขยายเวลาทำงาน STEM OPT Extension ยังคงอยู่
นายจ้างไม่จำเป็นต้องเข้าร่วม E-Verify อีกต่อไป แต่ต้องจัดทำแผนฝึกอบรม
ลดความถี่ในการรายงานของนักศึกษาจากทุก 6 เดือน เป็น ทุกปี
เพิ่มเวลาว่างงานจาก 150 วัน เป็น 180 วัน สำหรับผู้ที่อยู่ในช่วง OPT และ STEM OPT
ต้องการข้อมูลเพิ่มเติม? รับคำแนะนำฟรีจากที่ปรึกษา IDP!
เรามาสำรวจประเภทของวีซ่านักเรียนสำหรับสหรัฐอเมริกาที่มีอยู่กันก่อน การเลือกประเภทวีซ่าที่เหมาะสมขึ้นอยู่กับหลักสูตรที่คุณเลือกเรียนและระยะเวลาของโปรแกรมการศึกษาในสหรัฐฯ
วีซ่าประเภท F-1 เป็นวีซ่านักเรียนที่พบได้บ่อยที่สุด ออกแบบมาสำหรับผู้ที่ต้องการศึกษาต่อในระดับวิชาการที่วิทยาลัยหรือมหาวิทยาลัยในสหรัฐอเมริกา หรือเข้าร่วมหลักสูตรภาษาอังกฤษ เพื่อให้มีสิทธิ์สมัครวีซ่านี้ ผู้สมัครต้องลงทะเบียนเรียนแบบเต็มเวลาในสถาบันที่ได้รับการรับรองจาก Student and Exchange Visitor Program (SEVP) วีซ่า F-1 โดยทั่วไปจะอนุญาตให้อยู่ในสหรัฐฯ ได้ตลอดระยะเวลาที่ศึกษา รวมถึงช่วงเวลาพิเศษเพิ่มเติมสำหรับการฝึกงานแบบมีสิทธิทำงาน (OPT) ระยะเวลาในการดำเนินการวีซ่า F-1 อาจแตกต่างกันไป ดังนั้นควรยื่นสมัครล่วงหน้าก่อนวันเริ่มเรียนที่วางแผนไว้ให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
หากคุณสนใจเรียนด้านสายอาชีพหรือหลักสูตรที่ไม่ใช่เชิงวิชาการ เช่น โปรแกรมเทคนิคหรือการทำอาหาร วีซ่า M-1 จะเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมสำหรับคุณ เช่นเดียวกับวีซ่า F-1 คุณต้องลงทะเบียนเรียนในสถาบันที่ได้รับการรับรองจาก SEVP อย่างไรก็ตาม วีซ่า M-1 จะมีระยะเวลาสั้นกว่า โดยมักจำกัดอยู่แค่ช่วงระยะเวลาของหลักสูตร ยกเว้นในบางกรณีที่อาจขอขยายเวลาเพื่อการฝึกงานได้
วีซ่า J-1 เหมาะสำหรับผู้ที่เข้าร่วมโครงการแลกเปลี่ยน เช่น นักวิจัย นักเรียนแลกเปลี่ยน ผู้ดูแลเด็ก (au pair) หรือพี่เลี้ยงในค่ายเยาวชน (camp counsellor) โดยโครงการเหล่านี้เปิดโอกาสให้คุณได้สัมผัสวัฒนธรรมอเมริกัน พร้อมกับได้รับประสบการณ์จริงในสาขาที่คุณศึกษาอีกด้วย
ในการสมัครวีซ่านักเรียนสำหรับสหรัฐอเมริกา คุณต้องสมัครและได้รับการตอบรับจากสถาบันการศึกษาที่ได้รับการรับรองจาก Student and Exchange Visitor Program (SEVP) ก่อน เมื่อได้รับการตอบรับแล้ว สถาบันจะออกแบบฟอร์ม I-20 ให้คุณผ่านสำนักงานนักเรียนต่างชาติ ซึ่งแบบฟอร์มนี้เป็นเอกสารที่บันทึกข้อมูลของคุณในฐานข้อมูลที่เรียกว่า Student and Exchange Visitor Information System (SEVIS)
สำหรับการยื่นขอวีซ่า คุณจะต้องเตรียมเอกสารดังต่อไปนี้:
หนังสือเดินทางที่มีอายุอย่างน้อย 6 เดือน หลังจากระยะเวลาพำนักในสหรัฐฯ
จดหมายตอบรับจากสถาบันที่ได้รับการรับรอง SEVP
แบบฟอร์ม I-20 จากสถาบันที่ตอบรับเข้าเรียน
ชำระค่าธรรมเนียม SEVIS
กรอกแบบฟอร์ม DS-160 และหน้าคอนเฟิร์ม
รูปถ่ายตามข้อกำหนด
ขั้นตอนแรกคือการสมัครและได้รับตอบรับจากสถาบันที่ผ่านการรับรองจาก Student and Exchange Visitor Program (SEVP) ซึ่งเป็นระบบที่ดูแลการรับนักเรียนต่างชาติในอเมริกา ถ้าน้อง ๆ ได้รับการตอบรับแล้ว ทางโรงเรียนจะออกเอกสารสำคัญชื่อว่า Form I-20 ซึ่งใช้สำหรับขอวีซ่านักเรียนโดยเฉพาะ
เป็นระบบที่ใช้ติดตามข้อมูลของนักเรียนต่างชาติในสหรัฐฯ ทุกคนที่ขอวีซ่า F, M หรือ J ต้องชำระค่าธรรมเนียมนี้ก่อน โดยสามารถจ่ายผ่านระบบออนไลน์บนเว็บไซต์ทางการ และอย่าลืมเก็บหลักฐานการชำระเงินไว้ให้ดี เพราะต้องใช้ตอนสัมภาษณ์วีซ่า 💡 หมายเหตุ: ค่าวีซ่านักเรียนสหรัฐฯ จะมีทั้ง ค่าวีซ่า และ ค่า SEVIS แยกจากกันนะคะ .
คือใบสมัครขอวีซ่าชั่วคราว (Non-immigrant Visa) แบบออนไลน์ ที่ใช้กันทั่วไปสำหรับผู้ที่ขอวีซ่านักเรียน ข้อมูลในฟอร์มนี้จะค่อนข้างละเอียด เช่น ข้อมูลส่วนตัว การศึกษา การเงิน และแผนการเดินทางในอเมริกา ดังนั้นควรตรวจสอบความถูกต้องทุกข้อก่อนกดยืนยัน เพราะข้อมูลผิดอาจทำให้การพิจารณาล่าช้าหรือโดนปฏิเสธได้
ขั้นตอนสำคัญที่สุดคือการสัมภาษณ์วีซ่าที่สถานทูตหรือสถานกงสุลสหรัฐฯ เจ้าหน้าที่จะสอบถามเรื่องแผนการเรียน แหล่งเงินทุน และความสัมพันธ์กับประเทศไทย เพื่อพิจารณาว่าคุณมีความตั้งใจจะไปเรียนจริงและจะกลับมาหลังเรียนจบหรือไม่ 💡 เคล็ดลับ: ซ้อมตอบคำถามให้มั่นใจก่อนวันสัมภาษณ์ และแต่งตัวสุภาพเรียบร้อยเพื่อสร้างความประทับใจ
นอกจากแบบฟอร์ม DS-160 แล้ว ยังต้องใช้เอกสารอื่น ๆ ประกอบ เช่น:
พาสปอร์ต
ใบตอบรับจากมหาวิทยาลัย (Form I-20)
ใบแสดงผลการเรียน (Transcript)
หลักฐานการเงิน เช่น หนังสือรับรองบัญชี/ทุนการศึกษา
เอกสารอื่น ๆ ที่สถานทูตอาจร้องขอเพิ่มเติม
ข้อควรรู้: เอกสารที่ต้องใช้จะแตกต่างกันไปในแต่ละประเทศ แนะนำให้ตรวจสอบกับเว็บไซต์ของสถานทูตหรือกงสุลสหรัฐฯ ในประเทศไทยอีกครั้ง
ในบางประเทศอาจมีข้อกำหนดหรือขั้นตอนการยื่นขอวีซ่าที่เพิ่มเติมจากขั้นตอนทั่วไป จึงเป็นสิ่งสำคัญมากที่คุณควรศึกษาข้อกำหนดเฉพาะของประเทศนั้น ๆ ล่วงหน้า เพื่อให้มีเวลาเตรียมเอกสารครบถ้วนภายในระยะเวลาที่เหมาะสม เมื่อคุณได้รับวีซ่าแล้ว คุณจะต้องมั่นใจว่า:
คุณจะไม่เดินทางเข้าสหรัฐอเมริกาก่อนวันเริ่มต้นหลักสูตรที่ระบุไว้ใน I-20 เกินกว่า 30 วัน
คุณจะต้องติดต่อกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายต่างชาติของสถาบัน (Designated School Official หรือ DSO) ทันทีเมื่อเดินทางถึงสหรัฐอเมริกา
คุณจะต้องติดต่อกับ DSO อีกครั้งไม่เกินวันเริ่มต้นหลักสูตรที่ระบุไว้ในเอกสาร I-20
คุณต้องรักษาสถานะวีซ่าให้ถูกต้อง โดยปฏิบัติตามวัตถุประสงค์ที่ระบุไว้ในวีซ่า และปฏิบัติตามกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องทั้งหมด
ในช่วงที่คุณศึกษาอยู่ในสหรัฐอเมริกาภายใต้วีซ่านักเรียน คุณต้อง:
เข้าเรียนและผ่านทุกวิชาตามที่กำหนด หากพบว่าเนื้อหายากเกินไป คุณควรรีบแจ้ง DSO ทันที
หากคุณคิดว่าจะไม่สามารถจบหลักสูตรได้ทันตามวันที่ระบุใน I-20 คุณควรพูดคุยกับ DSO เพื่อขอขยายระยะเวลาหลักสูตร
ลงทะเบียนเรียนเต็มเวลาทุกเทอม หากคุณไม่สามารถเรียนเต็มเวลาได้ คุณต้องแจ้ง DSO ทันที
ห้ามถอนตัวจากการเรียนเต็มเวลาทั้งหมดโดยไม่ปรึกษากับ DSO ก่อน
การเรียนต่อในสหรัฐอเมริกาจำเป็นต้องมีการวางแผนทางการเงินอย่างรอบคอบ คุณจำเป็นต้องแสดงให้เจ้าหน้าที่กงสุลเห็นว่าคุณมีเงินทุนเพียงพอสำหรับชำระค่าเล่าเรียนและค่าใช้จ่ายตลอดระยะเวลาที่อยู่ในประเทศ
หลักฐานทางการเงินสามารถแสดงในรูปแบบต่าง ๆ เช่น รายการเดินบัญชีธนาคาร จดหมายรับทุน หรือหนังสือแสดงความรับผิดชอบทางการเงินจากผู้สนับสนุน คุณควรจัดเตรียมเอกสารเหล่านี้ให้พร้อมและแสดงข้อมูลอย่างชัดเจนเพื่อยืนยันความสามารถทางการเงินของคุณ
ทุนการศึกษาและความช่วยเหลือทางการเงินสามารถช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายในการเรียนในสหรัฐฯ ได้ คุณควรศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับทุนการศึกษาที่เปิดให้โดยมหาวิทยาลัย องค์กรภายนอก หรือแม้กระทั่งรัฐบาลในประเทศของคุณเอง ทรัพยากรจาก IDP เกี่ยวกับทุนและความช่วยเหลือทางการเงินก็สามารถเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีในการค้นหาเช่นกัน
หากคุณถือวีซ่านักเรียนประเภท F-1 โดยทั่วไปจะสามารถทำงานในมหาวิทยาลัยได้สูงสุด 20 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ในช่วงภาคการศึกษา และทำงานเต็มเวลาได้ในช่วงปิดภาคเรียน การทำงานนอกมหาวิทยาลัยจะถูกจำกัดและต้องได้รับอนุญาตเป็นกรณีพิเศษ คุณควรศึกษากฎระเบียบด้านการทำงานของนักเรียนต่างชาติอย่างถี่ถ้วนเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาในอนาคต
การได้วีซ่านักเรียนสหรัฐอเมริกาต้องอาศัยการวางแผนและเตรียมตัวอย่างรอบคอบ ต่อไปนี้คือเคล็ดลับที่จะช่วยให้คุณผ่านขั้นตอนการสมัครได้อย่างมั่นใจ และเพิ่มโอกาสในการได้รับอนุมัติ
เริ่มต้นเร็ว: กระบวนการสมัครวีซ่าอาจใช้เวลาหลายสัปดาห์หรือหลายเดือน โดยเฉพาะช่วงที่มีผู้สมัครจำนวนมาก การเริ่มต้นตั้งแต่เนิ่น ๆ จะช่วยให้คุณมีเวลาเพียงพอในการเตรียมเอกสาร นัดวันสัมภาษณ์ และดำเนินขั้นตอนต่าง ๆ อย่างเรียบร้อย
ซื่อสัตย์และโปร่งใส: การให้ข้อมูลเท็จหรือบิดเบือนข้อเท็จจริงในการสมัครวีซ่า อาจทำให้ถูกปฏิเสธวีซ่าทันที และอาจถูกแบนจากการสมัครในอนาคตอย่างถาวร ควรให้ข้อมูลที่ถูกต้องและตรงไปตรงมาเสมอ และเตรียมพร้อมตอบคำถามของเจ้าหน้าที่กงสุลอย่างมั่นใจ
ฝึกตอบคำถามสัมภาษณ์: การสัมภาษณ์วีซ่าอาจสร้างความกังวลได้ แต่การเตรียมตัวคือกุญแจสำคัญ ลองซ้อมตอบคำถามสัมภาษณ์ยอดนิยมกับเพื่อน คนในครอบครัว หรือที่ปรึกษา IDP วิธีนี้จะช่วยให้คุณรู้สึกมั่นใจและพูดได้อย่างชัดเจนในวันสัมภาษณ์จริง
แต่งกายสุภาพ: ความประทับใจแรกสำคัญมาก ควรแต่งกายสุภาพและเหมาะสมสำหรับการสัมภาษณ์วีซ่า เพื่อแสดงให้เห็นว่าคุณให้ความสำคัญกับโอกาสทางการศึกษาในสหรัฐอเมริกา
แสดงให้เห็นถึงความผูกพันกับประเทศบ้านเกิด: หนึ่งในปัจจัยหลักที่เจ้าหน้าที่กงสุลใช้ในการพิจารณาคือ ความตั้งใจของผู้สมัครว่าจะกลับประเทศหลังเรียนจบ คุณควรเตรียมข้อมูลเกี่ยวกับครอบครัว แผนการทำงาน หรือหลักฐานอื่น ๆ ที่แสดงว่าคุณมีความผูกพันกับประเทศไทยอย่างแท้จริง
อย่าละเลยทักษะภาษาอังกฤษของคุณ: ถึงแม้ว่าคุณจะมั่นใจในทักษะภาษาอังกฤษของตนเองอยู่แล้ว แต่อย่าลืมว่าการผ่านเกณฑ์ภาษาอังกฤษขั้นต่ำของหลักสูตรที่สมัครไว้เป็นสิ่งจำเป็น คุณควรเตรียมผลสอบวัดระดับภาษา เช่น IELTS หรือ TOEFL เพื่อใช้ยืนยันความสามารถทางภาษาของคุณเมื่อต้องยื่นสมัครเข้าเรียนกับสถาบันที่ผ่านการรับรอง SEVP
แม้ว่าคุณจะเตรียมตัวมาอย่างรอบคอบ แต่อาจยังมีข้อผิดพลาดบางอย่างที่ทำให้การขอวีซ่านักเรียนสหรัฐฯ ไม่สำเร็จได้ มาดูกันว่าข้อผิดพลาดเหล่านี้มีอะไรบ้าง และจะหลีกเลี่ยงได้อย่างไร
หลักฐานทางการเงินไม่เพียงพอ: หนึ่งในสาเหตุที่พบบ่อยที่สุดของการถูกปฏิเสธวีซ่าคือการไม่สามารถแสดงหลักฐานทางการเงินที่เพียงพอว่าคุณสามารถรับผิดชอบค่าเล่าเรียนและค่าครองชีพในสหรัฐอเมริกาได้อย่างเหมาะสม ตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณได้จัดเตรียมเอกสารทางการเงินที่จำเป็นทั้งหมด และแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าคุณมีความสามารถในการดูแลค่าใช้จ่ายของตนเองตลอดระยะเวลาที่ศึกษาในประเทศสหรัฐฯ
การยื่นใบสมัครที่ไม่สมบูรณ์: การส่งใบสมัครที่ขาดข้อมูลหรือไม่ครบถ้วนถือเป็นสาเหตุที่ทำให้ขั้นตอนการพิจารณาล่าช้า หรือในบางกรณีอาจทำให้การขอวีซ่าถูกปฏิเสธโดยสิ้นเชิง ควรตรวจสอบทุกส่วนของแบบฟอร์มให้ละเอียดก่อนส่ง ว่ากรอกข้อมูลครบถ้วน ถูกต้อง และแนบเอกสารประกอบครบทุกฉบับตามที่ระบุไว้
ไม่มีหลักฐานผูกพันกับประเทศบ้านเกิด: เจ้าหน้าที่กงสุลจำเป็นต้องมั่นใจว่าคุณมีความตั้งใจที่จะเดินทางกลับประเทศบ้านเกิดหลังจากเรียนจบ คุณควรแสดงแผนการในอนาคตอย่างชัดเจน โดยเน้นให้เห็นถึงความผูกพันกับประเทศของคุณ เช่น ครอบครัว อาชีพที่วางแผนไว้ หรือทรัพย์สินที่มีในประเทศ เพื่อยืนยันว่าคุณไม่มีเจตนาจะพำนักอยู่ในสหรัฐอเมริกาอย่างถาวร
วางแผนสมัครวีซ่านักเรียนสหรัฐอเมริกาแต่ไม่แน่ใจว่าจะเริ่มต้นอย่างไร? IDP มีทีมที่ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ พร้อมช่วยคุณทุกขั้นตอน กรอกฟอร์ม หรือติดต่อ Line:@idpthailand
สร้างโปรไฟล์พร้อมทั้งปลดล็อกคุณสมบัติต่าง ๆ มากมาย รวมถึงคำแนะนำแบบส่วนตัว แอปพลิเคชันที่ติดตามได้อย่างรวดเร็ว และอื่น ๆ อีกมากมาย
Dive into our extensive collection of articles by using our comprehensive topic search tool.